ต้นโพธิ์

ต้นโพธิ์
(Ficus religiosa L.)

tonpo

ต้นโพธิ์ หรือที่ชาวลังกาเรียกว่า Bohd tree และที่ชาวอินเดียเรียกว่า Pipal นี้นับได้ว่าเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งใน พระพุทธประวัติอีกชนิดหนึ่ง เพราะเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร  ในระหว่างบำเพ็ญพรต เพื่อหาสัจธรรมนั้น ได้ทรงเลือกนั่งประทับที่โคน ต้นโพธิ์จนกระทั่งพระองค์ได้ตรัสรู้ พระสัมมาสัมโพธิญาน คือ อริยสัตย์ 4 อันประกอบด้วย ทุกข์ สมุห์ทัย นิโรธ มรรค เมื่อวันเพ็ญเดือน 6 แม้พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังต้องทรงใช้พลังจิตรบกับพวกมาร(การเอาชนะกิเลสฝ่ายต่ำ)ก็โดยประทับอยู่ใต้โคนต้นโพธิ์อีก เช่นกัน เพราะโพธิ์มีร่มเงาเหมาะแก่การพักพิงและบำเพ็ญพรตเป็นอย่างยิ่ง   และกล่าวกันว่าต้นโพธิ์ที่พระพุทธองค์ประทับเพื่อรวบรวม พระหฤทัยให้บรรลุถึงสัจธรรมนั้นได้ถูกประชาชนผู้นับถือศาสนาอื่น โค่นทำลายไปแล้วแต่ด้วยบุญญาภินิหารเมื่อได้นำนมโคไปรดที่ราก จึงมีแขนงแตกขึ้นมาและมีชีวิตอยู่มาอีกนานก็ตายไปอีกแล้วกลับแตกหน่อขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งต้นที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนับว่าเป็นช่วง ที่สามแล้ว

Read the rest of this entry »

Leave a Comment

ผักชีลาว

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Anethum graveolens Linn.
ชื่อวงศ์ : Umbelliferae
ชื่อสามัญ : Dill
ชื่อพื้นเมือง :
เทียนข้าวเปลือก ,เทียนตาตั๊กแตน (ภาคกลาง), ผักชี (ขอนแก่น,เลย) ผักชีตั๊กแตน, ผักชีเทียน (พิจิตร), ผักชีเมือง(น่าน)

pakshiilaos0

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักชีลาวเป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับผักชี ลำต้นมีสีเขียวเข้มขนาดเล็ก ลักษณะใบเป็นใบประกอบแบบขนนกมีสีเขียวสดออกเรียงสลับกัน ดอกมีขนาดเล็กสีเหลืองออกเป็นช่อ ก้านช่อดอกมีลักษณะคล้ายกับซี่ร่ม ผลแก่เป็นรูปไข่แบนมีสีน้ำตาลอมเหลือง ถ้านำไปใช้เป็นเครื่องเทศจะเก้บได้ก้ต่อเมื่อดอกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่ส่วนใหญ่จะพบในรูปของการทานสดเป็นผักมากกว่า ซึ่งควรเก็บก่อนที่จะออกดอก ผักชีลาวมีสองชนิด คือ ชนิดที่มาจากยุโรป (Dill) และชนิดที่มีกำเนิดในเอเชียเขตร้อน (Indian Dill) ในประเทศไทยมีการปลูกเพื่อใช้ทานเป็นผักมากกว่าปลูกเพื่อใช้ผลมาทำเครื่องเทศเพราะมีคุณภาพน้อยกว่าประเทศอินเดีย

Read the rest of this entry »

Leave a Comment

ต้นหอม

ต้นหอม SHALLOT หรือ ALLIUM ACCALONICUM LINN.
วงศ์ ALLIACEAE

ลักษณะ เป็นพืชล้มลุก มีหัวใต้ดิน ลำต้นแตกขึ้นจากหัวสูงไม่เกิน 3-4 นิ้ว ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ โคนใบมีกาบสีขาวหุ้ม ใบรูปทรงกลม กลวงด้านใน ปลายแหลม โคนใบเป็นกาบหุ้นลำต้น หัวรูปทรงกลม หัวแก่มีเปลือกหุ้มสีแดง ส่วนหัวอ่อนสีขาว (ตามภาพประกอบ) หัว ต้น และใบ มีกลิ่นหอมฉุน นิยมรับประทานทั้งแบบสดกับน้ำพริกทั่วไป ลาบ ก้อย และใช้เป็นส่วนประกอบอาหารทั่วโลก

Read the rest of this entry »

Leave a Comment

มะขามป้อม

ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica Linn.
วงศ์ EUPHORBIACEAE
ชื่ออื่น กำทวด (ราชบุรี) สันยาส่า มั่งลู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) กันโตด (เขมร-จันทบุรี) อิ่ว อำใบเหล็ก (จีน)

makampom02

ลักษณะ มะขามป้อมเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดสูงประมาณ 7-15 เมตร ลำต้นมีเปลือกเรียบเกลี้ยง ลอกออกเป็นแผ่นๆ

ใบ ใบเดี่ยวเรียงชิดติดกันคล้ายขนนก ปลายใบยาวรี สีเขียวแก่ ยาวประมาณ 1 ซม.
ดอก ออกดอกเป็นช่อหรือเป็นกระจุก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียแยกกันอยู่บนต้นเดียวกัน หนึ่งดอกมีกลีบดอกประมาณ 5-6 กลีบ มีสีเหลืองอมเขียว
ผล รูปร่างกลม ผิวเกลี้ยง เนื้อหนา รสฝาด มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. เปลือกแบ่งเป็นสันความยาว 6 ซม. ภายในเนื้อมีเมล็ดสีน้ำตาลอยู่ 6 เมล็ด

Read the rest of this entry »

Leave a Comment

น้ำมะตูม

สรรพคุณ

matoom1

เป็นยาระบายช่วยขับถ่าย ขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้ลมจุกเสียด ขับเสมหะช่วยย่อยบำรุงธาตุ เจริญอาหาร สามารถแก้ท้องเสียได้ โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นโรคท้องร่วงเรื้อรัง ทั้งนี้ เพราะในผลมะตูม มีสารเพคตริน (Pectin) ซึ่งจะไปรวมกับพิษของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดท้องร่วง นอกจากนี้ยังมีสารเมือก สารแทนนิน และสารรสขม บางคนนิยมดื่มน้ำมะตูมแทนน้ำชา

เป็นยาระบายช่วยขับถ่าย ขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้ลมจุกเสียด ขับเสมหะช่วยย่อยบำรุงธาตุ เจริญอาหาร สามารถแก้ท้องเสียได้ โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นโรคท้องร่วงเรื้อรัง ทั้งนี้ เพราะในผลมะตูม มีสารเพคตริน (Pectin) ซึ่งจะไปรวมกับพิษของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดท้องร่วง นอกจากนี้ยังมีสารเมือก สารแทนนิน และสารรสขม บางคนนิยมดื่มน้ำมะตูมแทนน้ำชา

matoom2

Leave a Comment

แก้วมังกร

ต้นแก้วมังกร มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ในอเมริกากลาง เข้ามาในเอเชียที่เวียดนามก่อน โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณ 100  ปีมาแล้วและเพิ่งเข้ามาในไทยเมื่อประมาณ 5 ปี แต่เป็นพันธุ์เนื้อในขาวส่วนพันธุ์เนื้อในแดงที่ชื่อแดงสยามเป็นพันธุ์มาจากไต้หวัน เมื่อประมาณ 1-2 ปีนี้เองมีลำต้นยาวประมาณ 5 เมตร มีรากทั้งในดินและรากอากาศ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ชอบแสงแดดพอเหมาะ โล่งแจ้ง แต่ไม่แรงกล้าเกินไป ดอกขนาดใหญ่ยาวประมาณเกือบหนึ่งฟุต เริ่มบานตอนพระอาทิตย์ตกเพียงคืนเดียวดอกหุบตอนพระอาทิตย์ขึ้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อย มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะเป็น 3 แฉกมีสีเขียว อวบน้ำ ซึ่งแท้จริงแล้วส่วนนั้นคือใบที่เปลี่ยนรูปไป ส่วนลำต้นที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของแฉกทั้ง 3 บริเวณตาข้างจะมีหนาม 1-5 หนาม ดอกจะเกิดบริเวณปลายกิ่งในช่วงเดือนเมษายน เมื่อบานมีลักษณะคล้ายปากแตร จะบานในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้า เมื่อติดผลแล้ว ผลอาจมีสีชมพูหรือเหลือง เนื้อผลภายในมีทั้งสีขาวและแดงขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีเมล็ดสีดำอยู่ในเนื้อผล
ลูกมังกร หรือดราก้อนฟรุต เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลแคคตัสหรือสกุลหนึ่งของกระบองเพชร สามารถปลูกได้ดีในทุกสภาพพื้นที่จึงเป็นที่นิยมปลูกกันมากอย่างแพร่หลาย ผลจะมีลักษณะเป็นสันเหลี่ยมทู่ ๆ เรียงรายอยู่ทั่วไปบนผิวเปลือก เปลือกหนาสีออกชมพูอมส้ม ภายในผลเมื่อผ่าออกจะมีเนื้อสีขาวขุ่นภายในเนื้อก็จะมีเมล็ดเล็ก ๆ ซึ่งใหญ่กว่าเมล็ดงานิดเดียวฝังตัวอยู่เต็มไปหมด เมื่อรับประทานจะมีรสชาติหวานเย็น กรุบกรับ ไม่ระคายคอ ลูกมังกรเป็นที่นิยมกันมาในหมู่นักบริโภคชาวต่างประเทศที่ชอบลองของแปลก ซึ่งจากการศึกษาวิจัยสภาพอากาศของประเทศเวียดนามกับประเทศไทยพบว่า ไม่แตกต่างกันมานัก จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าโอกาสที่ลูกมังกรจะมาผงาดในบ้านเรานั้น เป็นไปได้สูงมาก ประกอบกับลูกมังกรยังเป็นพืชที่ทนแล้ง ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่สามารถปลูกได้ โดยใช้พื้นที่ปลูกเพียงต้นละ 1 ตารางเมตรเท่านั้น ฉะนั้น จึงสามารถปลูกได้รอบ ๆ บริเวณบ้านโดยไม่จำกัด เนื่องจากเป็นพืชที่ทนความแห้งแล้ง ทนต่อโรคและแมลง จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใด ๆ และนับได้ว่าเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างปลอดภัยจากสารพิษอีกด้วย
สำหรับผลของลูกมังกรนั้น เหมาะสมต่อการส่งเสริมเป็นสินค้าออกทางทวีปยุโรปและอเมริกาอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นผลไม้รสไม่หวานจัด ฝรั่งนิยมรับประทานหรือคนชรา คนเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ไม่สามารถบริโภคผลไม้ที่มีรสหวานจัดได้ ซึ่งปัจจุบันในบ้านเราจะจำหน่ายผลละ 120-150 บาท โดยผลผลิตที่ได้รุ่นที่ 1 ซึ่งมีอายุ 2 ปีขึ้นไปนั้นจะให้ผลผลิตประมาณ 30 ผลต่อต้น และสามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 2 เท่าในปีต่อไป โดยเกษตรกรต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ลูกมังกรได้แตกกิ่งใหม่ที่ปลายยอด นั่นคือ ผลผลิต 1 ผล ต่อ 1 กิ่งนั่นเอง และสามารถนำกิ่งนั้นไปปักชำ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปได้ นอกจากการขยายพันธุ์โดยการปักชำแล้ว ยังสามารถขยายพันธุ์ด้วยเพาะเมล็ด และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้อีกด้วย แต่การปักชำจะทำได้สะดวกและให้ผลแน่นอนที่สุดกว่าทุกวิธี ลูกมังกรชอบดินที่มีการระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง ความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.3-6.8 ความชื้น 65% เลี้ยงง่าย ปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลงรบกวนมีน้อย หรือแทบไม่มีเลย นอกจากการระบายน้ำไม่ดี วัสดุที่ใช้ปลูกแฉะเกินไปก็จะส่งผลให้ลำต้นของลูกมังกร
เน่าได้ เแก้วมังกรเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่เข้ามาเปิดตลาดเอเชียในสหัสวรรษนี้ เดินหน้าไปพร้อมกับใต้ หวันและญี่ปุ่น
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อพันธุ์แก้วมังกร ด้วยความคล้ายคลึงกันของแก้วมังกรและโบตั๋น จึงทำให้มีพ่อค้าจอมโกงบางคนนำกิ่งพันธุ์ของต้นโบตั๋นมาขาย โดยอ้างว่าเป็นกิ่งพันธุ์ของต้นแก้วมังกรดังนั้น จึงเป็นข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กำลังหากิ่งพันธุ์มาปลูก
ลักษณะดอกและผลแก้วมังกร เมื่อดอกบานเต็มที่จะเหี่ยวและร่วงหล่นโดยส่วนโคนดอกจะเป็นรูปกลมรีหรือรูปไข่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว และยาวประมาณ 4 – 6 นิ้ว มีน้ำหนักระหว่าง 200 – 500 กรัม เปลือกมีสีสันสดใส สีแดงอมชมพู โดยมีบางส่วนของกลีบดอกเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ผลสีเขียว ทำให้ดูสวยงามสะดุดตา เมื่อผ่าผลออกมาจะพบว่าเนื้อในมีสีขาวขุ่น ภานในมีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้าย เมล็ดงาดำหรือแมงลักฝังตัวกระจายอยู่ทั่วไป เป็นจำนวนมาก
การปลูกแก้วมังกร แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อยลำต้นอ่อนจำเป็นต้องมีหลักให้ลำต้นเกาะยึดซึ่งหลักจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเสาซีเมนต์ก็ได้ ถ้าใช้ท่อซีเมนต์เป็นเสาซึ่งรูปทรงกลมภายในกลวงแต่เทปูนไว้ก้นท่อเพื่อไว้ใส่น้ำหล่อเลี้ยงให้เสามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ฝังท่อซีเมนต์ลงในดินประมาณ 40 –50 ซม. ต้องสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 –2 เมตร ด้านบนของเสาทำเป็นร้านให้กิ่งเกาะแผ่ขยายออกไประยะปลูก 3 x 3 เมตร เตรียมหลุมขนาด 30x30x30 ซม. รอบ ๆ หลัก หลักละ 4 หลุม สำหรับปลูกหลุมละ 1 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเก่า 1 ปุ้งกี๋ เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงหลุมแล้วมัดกิ่งพันธุ์ให้แนบหลักและกันแดดให้ 1 –2 สัปดาห์
การให้ผลผลิต ต้นแก้วมังกรที่เติบโตจากการใช้กิ่งปักชำเมื่ออายุได้ประมาณ 8 –10 เดือน จะให้ผลผลิต การเริ่มออกดอก จะออกบริเวณปลายกิ่ง มีลักษณะคล้ายดอกโบตั๋น คือมีสีเหลืองอมชมพูซึ่งสวยงามมาก จะบานในเวลากลางคืน อยู่ได้ประมาณ 2 –3 วัน จะเหี่ยวและร่วงไป เหลือผลที่มีกลีบเลี้ยงหุ้มหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ผลจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ โดยปกติใน 1 ปี ต้นแก้วมังกรจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 4 รุ่น ตั้งแต่ พฤษภาคมถึง สิงหาคม ของทุกปี ต้นแก้วมังกรจะเริ่มให้ดอกชุดแรกในเดือนมีนาคมและดอกชุดสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม ลูกแก้วมังกรที่เก็บเกี่ยวจากต้นแล้วถ้านำมาใส่ถุงพลาสติกแล้วแช่เย็นจะสามารถเก็บรักษาได้ประมาณ 15 วัน โดยไม่เหี่ยวและเป็นการเพิ่มความหวานให้กับผลด้วย
การดูแลรักษาระหว่างปลูก โดยทั่วไปการปฏิบัติดูแลรักษาระหว่างปลูกค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นพืชทนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำมากเหมือนไม้ผลอื่น ๆ แต่ก็ควรหาเศษหญ้าแห้ง ฟาง หรือ แกลบเป็นวัสดุคลุมโคนต้นไว้เพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินและป้องกันวัชพืชให้ปุ๋ยคอก เสริมด้วยปุ๋ยเคมี 2 – 3 เดือนต่อครั้ง โดยให้ปุ๋ยคอกหลักละประมาณ 1 ปุ้งกี๋ ส่วยปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หลักละ 1-2 ช้อนแกง และอาจมีการให้ปุ๋ยเคมีทางน้ำเสริมโดยเติมสาหร่ายทะเลสกัดทั้งนี้ ควรสังเกตความเจริญและการให้ผลของต้นแก้วมังกร ถ้าต้นยังงอกงามและให้ผลผลิตดี ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยมากเกินไป
โรคและแมลงที่สำคัญ ยังพบไม่มากจะมีเพียงมดและนกเท่านั้นสำหรับมดเมื่อพบว่ามีมากอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ปลูกได้ จึงจะใช้วิธีกำจัดโดยใช้สารเคมีฉีดพ่นพร้อมทั้งสารจับใบ ส่วนนกนับว่าเป็นศัตรูที่สำคัญไม่น้อย เพราะนกจะเข้าจิกทำลายในขณะที่ผลกำลังใกล้แก่ ซึ่งวิธีป้องกันทำได้โดยการห่อผล
การตลาดรองรับ ผู้ที่ปลูกแก้วมังกรเพื่อการค้า ถึงแม้ว่าขณะนี้ผลไม้ชนิดนี้กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะราคาค่อนข้างสูง และเป็นที่ต้องการของต่างประเทศก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งได้หรือไม่เพราะยังไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีการปลูกกันมากขึ้น เกษตรจะประสบปัญหาด้านตลาดหรือราคาเหมือนเช่นที่พืชเศรษฐกิจบางชนิดเคยได้รับมา
การลงทุนและผลตอบแทน เนื่องจากแก้วมังกรเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 8,000 –12,000 กก. (เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป) และอายุการให้ผลผลิตยาวนานถึง 10 –15 ปี หากระดับราคาหน้าสวนลดลงมาอยู่ในราคาประมาณ 30 บาท/กก. เกษตรกรผู้ปลูกก็ยังมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท / ไร่ ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี ก็คืนทุนแต่การลงทุนครั้งแรกค่อนข้างสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ไร่
การขยายพันธ์
วิธีการขยายพันธ์แก้วมังกรที่ง่ายและสะดวก คือการปักชำแต่มีเทคนิคที่สำคัญหลายประการคือ เกษตรกรต้องเลือกเฉพาะกิ่งที่แก่เท่านั้น อย่าใช้กิ่งอ่อนเพราะจะเน่าเสียก่อน เมื่อได้กิ่งแก่มาปักชำส่วนใหญ่จะรอดตาย 100% กิ่งแก่ในแต่ละกิ่งสามารถตัดเป็นท่อนได้หลายท่อน ตัดให้มีความยาวประมาณ 12 ฟุต ก่อนที่จะปักชำให้เอาทางโคนปักลง (สังเกตจากทางโคนจะมีหนามตั้งขึ้น) ก่อนที่จะนำกิ่งมาปักชำ นั้น ควรจะนำกิ่งแก่มาจุ๋มในน้ำที่ผสมน้ำยาเร่งราก (ใช้น้ำยาเร่งรากในอัตราเข้มข้นกว่าปกติ) จุ๋มกิ่งแก้วมังกรลงไปในน้ำยาลึกประมาณ 10 ซม.แล้วนำมาตั้งเรียงไว้ในร่มเป็นเวลา 7-10 วัน จนกิ่งเริ่มเหี่ยว ตั้งกิ่งให้ตรง สำหรับเกษตรกรที่เริ่มปลูกควรจะเลือกซื้อกิ่งประเภทนี้ที่ผ่านการแช่น้ำยาเร่งรากแล้ว เพราะจะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายได้รับการกระทบกระเทือนน้อยที่สุดและขนได้ครั้งละปริมาณมาก หลังจากได้กิ่งไปแล้วนำไปปักชำในแปลงเพาะที่เตรียมเอาไว้ สำหรับกิ่งประเภทที่นำลงถุงแล้วจะเคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบากและขนได้ครั้งละปริมาณน้อยรวมถึงมีราคาที่แพงกว่าไม่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ปลูกเป็นแปลงใหญ่
การเตรียมแปลงเพาะชำกิ่งหลังจากปรับพื้นที่ดินให้เรียบแล้วใส่ขี้เถ้าแกลบดำลงในแปลงให้มีความหนาประมาณ 1 คืบ ถ้าแปลงเพาะชำอยู่กลางแจ้งจะต้องมุงด้วย ตาข่ายพรางแสงชนิด 60% จากนั้นนำกิ่งที่ชุบน้ำยาเร่งรากแล้วไปปักชำให้ลึกประมาณ 10 ซม. รดน้ำ 2-3 วันต่อครั้งก็เพียงพอแล้ว ถ้ารดบ่อยเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหากิ่งเน่าได้ หลังจากปักชำไปได้นานประมาณ 1 เดือนก็จะออกรากและนำไปปลูกในแปลงได้ วิธีการสังเกตว่ากิ่งแก้วมังกรที่นำไปปักชำนั้นมีรากที่ สมบูรณ์แล้วสังเกตได้ว่าจะมีการแตกยอดอ่อนออกมาใหม่ คัดเลือกเฉพาะกิ่งที่แตกยอดออกทยอยไปปลูก
ขณะนี้เป็นที่ยืนยันแล้วว่าสายพันธุŒแก้วมังกรที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรได้ขยายพื้นที่ปลูกในเชิงพาณิชย์จะมีเพียงพันธ์ไทยและพันธุŒเวียดนามเท่านั้น เนื่องจากพบว่ามีบางสายพันธ์ จะต้องใช้วิธีการช่วยผสมเกสรถึงจะติดผล
คุณค่าทางอาหารและสมุนไพร(ยา)
พืชพวกกระบองเพชรมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำนวนมาก สารพวกนี้ คือ โปลี่แซคคาไรด์เชิงซ้อน ลักษณะคล้ายวุ้นเหลว หรือเยลลี่ ดูดน้ำ ช่วยคุมน้ำตาลกลูโคลในคนที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินสามารถลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเรสเตอรอล ชนิดความหนาแน่นในเลือดต่ำ นอกจากนี้ยังเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาโรคโลหิตจาง ผลแก้วมังกรมีคุณค่าทางอาหาร มีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก เสริมสร้างภูมิต้านทานกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ
แก้วมังกร ปัจจุบันกลายเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้บริโภคลดน้ำหนัก และเมื่อปากต่อปากบอกว่าได้รับประทานแล้วอิ่มลดน้ำหนักได้จริง ผลไม้ชนิดนี้จึงเริ่มเป็นที่นิยม และมีเกษตรกรในประเทศไทยปลูกกันมากขึ้น ทั้งที่รากเหง้าของไม้พันธุ์นี้จะเกิดและเติบโตเป็นพันธุ์แท้อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ถือเป็นแหล่งปลูกแก้วมังกรที่มีมาช้านานและคนเวียดนามจะรู้จักกันดี
แก้วมังกร ผลไม้บริสุทธิ์ปลอดภัยจากสารพิษ มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวสามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นทานแล้วนอกจากดับร้อนผ่อนกระหายยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพ และความงามได้เป็นอย่างดี
แก้วมังกร ผลไม้พันธุ์ใหม่ รสชาติหวานกรอบอร่อย กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ต้นปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ได้ผลผลิตสูงให้ผลกำไรเร็ว ปลูกโดยไม่ต้องเลือกดิน ดูแลง่าย แม้แต่เด็กก็ดูแลได้

แก้วมังกร ผลไม้บริสุทธิ์ปลอดภัยจากสารพิษ มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวสามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นทานแล้วนอกจากดับร้อนผ่อนกระหายยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพ และความงามได้เป็นอย่างดี  รสชาติหวานกรอบอร่อย กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ต้นปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ได้ผลผลิตสูงให้ผลกำไรเร็ว ปลูกโดยไม่ต้องเลือกดิน ดูแลง่าย แม้แต่เด็กก็ดูแลได้

ต้นแก้วมังกร มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ในอเมริกากลาง เข้ามาในเอเชียที่เวียดนามก่อน โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณ 100  ปีมาแล้วและเพิ่งเข้ามาในไทยเมื่อประมาณ 5 ปี แต่เป็นพันธุ์เนื้อในขาวส่วนพันธุ์เนื้อในแดงที่ชื่อแดงสยามเป็นพันธุ์มาจากไต้หวัน เมื่อประมาณ 1-2 ปีนี้เองมีลำต้นยาวประมาณ 5 เมตร มีรากทั้งในดินและรากอากาศ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ชอบแสงแดดพอเหมาะ โล่งแจ้ง แต่ไม่แรงกล้าเกินไป ดอกขนาดใหญ่ยาวประมาณเกือบหนึ่งฟุต เริ่มบานตอนพระอาทิตย์ตกเพียงคืนเดียวดอกหุบตอนพระอาทิตย์ขึ้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

d01

Read the rest of this entry »

Comments (2)

น้ำขิง ทางออกหลังทำคีโม

ผลวิจัยล่าสุดจากห้องแล็บมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก พบว่า อาการข้างเคียงอย่างคลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ซึ่งเป็นผลจากการทำเคมีบำบัดใน ผู้ป่วยมะเร็งแก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำขิง

ผลวิจัยล่าสุดจากห้องแล็บมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก พบว่า อาการข้าเคียงอย่างคลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว ซึ่งเป็นผลจากการทำเคมีบำบัดใน ผู้ป่วยมะเร็งแก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำขิง

ginger  ขิง

70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยมะเร็งที่เข้ารับคีโมมักมี อาการดังกล่าวข้างต้น          เป็นปัญหาที่ค่อนข้างสร้าง ความทุกข์แก่ผู้ป่วย การทดลองนี้มีขึ้นกับผู้ป่วย 644 คน เป็นเวลา 6 วัน โดยเริ่มทดลองล่วงหน้า 3 วันก่อนการ ทำคีโมครั้งแรก ในการทดลอง ผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งจะได้รับ ยาหลอก ส่วนอีกกลุ่มได้รับขิงผงบรรจุแคปซูล ผล ออกมาว่า ผู้ป่วยบางคนในกลุ่มแรกมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนมากถึง 4 ครั้งต่อวัน ส่วนกลุ่มที่ได้รับขิงผง ไม่มีอาการเลย จึงสรุปได้ว่า ขิงผงช่วยลดอาการ คลื่นไส้ อาเจียนหลังทำคีโมได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

การทดลองยังบอกอีกว่า ขิงผง ขิงสด เครื่องดื่ม ผสมขิง หรือแม้แต่ขนมรสขิงก็ให้ผลดีเช่นเดียวกัน แต่ต้องมีปริมาณขิง 1 ใน 4 ถึงครึ่งช้อนชาจะได้ผลดี ที่สุด

ที่มา mcot.net

Leave a Comment

วิธีเปลี่ยนกระถางใหม่ให้ต้นไม้

tree_2

วิธีเปลี่ยนกระถางใหม่ให้ต้นไม้

เมื่อต้นไม้มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็ควรหากระถางใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาเปลี่ยน วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีการเปลี่ยนกระถางใหม่ให้ต้นไม้มาบอก

เริ่มจากเลือกดินร่วนผสมสูตรสำหรับการปลูกต้นไม้ พรมน้ำให้ชุ่มก่อนคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 2 คืน เพื่อให้ความชื้นกระจายให้ทั่ว แล้วนำดินที่ผสมเสร็จเทลงในกระถางใหม่ที่เลือกไว้ แล้วจึงเคลื่อนย้ายต้นไม้ด้วยความระมัดระวังจากที่เดิมมายังกระถางใหม่ ถ้าต้นไม้ออกจากกระถางเดิมยากให้แซะดินที่แห้งตามขอบออก และใช้ไม้กระทุ้งที่รูใต้กระถางเบาๆ จะทำให้ต้นไม้หลุดออกง่าย หลังจากนั้นตัดแต่งรากที่ยาวเกินออก เพื่อเป็นการกระตุ้นให้รากใหม่งอกได้สะดวก อาจจะแซะดินที่หุ้มรากออกบางส่วนเพื่อให้รากใหม่ยึดเกาะดินใหม่ สุดท้ายจัดต้นไม้ให้ตั้งอยู่ตรงกลางของแนวกระถาง ใส่ดินกลบให้มิดโคนรดน้ำ 1 ครั้ง รอให้ดินยุบตัวแล้วค่อยใส่ดินลงไปอีกครั้งให้แน่นมิดโคนต้น จะเป็นการป้องกันรากลอยในการรดน้ำครั้งต่อไป

ที่มา เดลินิวส์

Leave a Comment

ปาล์มคิง

ชื่อวิทยาศาสตร์: Archontophoenix alexandrae (F.J.Muell.) H.A. Wendl.&Durde
ชื่อวงศ์: PALMAE
ชื่อสามัญ: King Palm
ชื่อท้องถิ่น: ปาล์มสามเหลี่ยมเขียว
ลักษณะวิสัย: ปาล์ม

palm-king
ลักษณะทั่วไป: ลำต้นสูง 11-13 เมตร เห็นปล้องได้ชัดเจน ลำต้นตั้งตรงได้เอง ผิวลำต้นสีเทาปนน้ำตาล ลำต้นขนาด 10-15 เซนติเมตร เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สูงได้ถึง 20 เมตร ใบเป็นรูปขนนกคล้ายทางมะพร้าว ทรงใบยาว 3-5 ฟุต ใบย่อยสีเขียวเป็นมัน ด้านหลังใบ ด้านท้องใบสีเทปนเงิน ดอกออกเป็นช่อ มีจำนวนต่อช่อมากดอกสีขาวครีม ผลยาวไม่เกินครึ่งนิ้ว ผลอ่อนมีสีเขียวนวล เมื่อผลแก่จะมีสีแดงผลของคิงส์ปาล์ม จะมีเพียง 1เมล็ดเท่านั้น
การกระจายพันธุ์: มีถิ่นกำเนิดในประเทศออสเตรเลีย
การขยายพันธุ์: โดยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์: ปลูกเป็นไม้ประดับตามสนามต่าง ๆ นิยมปลูกประดับตามสถานที่ราชการ ริมถนนตามบ้าน ปลูกตามพื้นดินทั่วไป

Leave a Comment