แก้วมังกร

ต้นแก้วมังกร มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ในอเมริกากลาง เข้ามาในเอเชียที่เวียดนามก่อน โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณ 100  ปีมาแล้วและเพิ่งเข้ามาในไทยเมื่อประมาณ 5 ปี แต่เป็นพันธุ์เนื้อในขาวส่วนพันธุ์เนื้อในแดงที่ชื่อแดงสยามเป็นพันธุ์มาจากไต้หวัน เมื่อประมาณ 1-2 ปีนี้เองมีลำต้นยาวประมาณ 5 เมตร มีรากทั้งในดินและรากอากาศ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ชอบแสงแดดพอเหมาะ โล่งแจ้ง แต่ไม่แรงกล้าเกินไป ดอกขนาดใหญ่ยาวประมาณเกือบหนึ่งฟุต เริ่มบานตอนพระอาทิตย์ตกเพียงคืนเดียวดอกหุบตอนพระอาทิตย์ขึ้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อย มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะเป็น 3 แฉกมีสีเขียว อวบน้ำ ซึ่งแท้จริงแล้วส่วนนั้นคือใบที่เปลี่ยนรูปไป ส่วนลำต้นที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของแฉกทั้ง 3 บริเวณตาข้างจะมีหนาม 1-5 หนาม ดอกจะเกิดบริเวณปลายกิ่งในช่วงเดือนเมษายน เมื่อบานมีลักษณะคล้ายปากแตร จะบานในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้า เมื่อติดผลแล้ว ผลอาจมีสีชมพูหรือเหลือง เนื้อผลภายในมีทั้งสีขาวและแดงขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีเมล็ดสีดำอยู่ในเนื้อผล
ลูกมังกร หรือดราก้อนฟรุต เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลแคคตัสหรือสกุลหนึ่งของกระบองเพชร สามารถปลูกได้ดีในทุกสภาพพื้นที่จึงเป็นที่นิยมปลูกกันมากอย่างแพร่หลาย ผลจะมีลักษณะเป็นสันเหลี่ยมทู่ ๆ เรียงรายอยู่ทั่วไปบนผิวเปลือก เปลือกหนาสีออกชมพูอมส้ม ภายในผลเมื่อผ่าออกจะมีเนื้อสีขาวขุ่นภายในเนื้อก็จะมีเมล็ดเล็ก ๆ ซึ่งใหญ่กว่าเมล็ดงานิดเดียวฝังตัวอยู่เต็มไปหมด เมื่อรับประทานจะมีรสชาติหวานเย็น กรุบกรับ ไม่ระคายคอ ลูกมังกรเป็นที่นิยมกันมาในหมู่นักบริโภคชาวต่างประเทศที่ชอบลองของแปลก ซึ่งจากการศึกษาวิจัยสภาพอากาศของประเทศเวียดนามกับประเทศไทยพบว่า ไม่แตกต่างกันมานัก จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าโอกาสที่ลูกมังกรจะมาผงาดในบ้านเรานั้น เป็นไปได้สูงมาก ประกอบกับลูกมังกรยังเป็นพืชที่ทนแล้ง ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่สามารถปลูกได้ โดยใช้พื้นที่ปลูกเพียงต้นละ 1 ตารางเมตรเท่านั้น ฉะนั้น จึงสามารถปลูกได้รอบ ๆ บริเวณบ้านโดยไม่จำกัด เนื่องจากเป็นพืชที่ทนความแห้งแล้ง ทนต่อโรคและแมลง จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใด ๆ และนับได้ว่าเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างปลอดภัยจากสารพิษอีกด้วย
สำหรับผลของลูกมังกรนั้น เหมาะสมต่อการส่งเสริมเป็นสินค้าออกทางทวีปยุโรปและอเมริกาอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นผลไม้รสไม่หวานจัด ฝรั่งนิยมรับประทานหรือคนชรา คนเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ไม่สามารถบริโภคผลไม้ที่มีรสหวานจัดได้ ซึ่งปัจจุบันในบ้านเราจะจำหน่ายผลละ 120-150 บาท โดยผลผลิตที่ได้รุ่นที่ 1 ซึ่งมีอายุ 2 ปีขึ้นไปนั้นจะให้ผลผลิตประมาณ 30 ผลต่อต้น และสามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 2 เท่าในปีต่อไป โดยเกษตรกรต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ลูกมังกรได้แตกกิ่งใหม่ที่ปลายยอด นั่นคือ ผลผลิต 1 ผล ต่อ 1 กิ่งนั่นเอง และสามารถนำกิ่งนั้นไปปักชำ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปได้ นอกจากการขยายพันธุ์โดยการปักชำแล้ว ยังสามารถขยายพันธุ์ด้วยเพาะเมล็ด และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้อีกด้วย แต่การปักชำจะทำได้สะดวกและให้ผลแน่นอนที่สุดกว่าทุกวิธี ลูกมังกรชอบดินที่มีการระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง ความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.3-6.8 ความชื้น 65% เลี้ยงง่าย ปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลงรบกวนมีน้อย หรือแทบไม่มีเลย นอกจากการระบายน้ำไม่ดี วัสดุที่ใช้ปลูกแฉะเกินไปก็จะส่งผลให้ลำต้นของลูกมังกร
เน่าได้ เแก้วมังกรเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่เข้ามาเปิดตลาดเอเชียในสหัสวรรษนี้ เดินหน้าไปพร้อมกับใต้ หวันและญี่ปุ่น
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อพันธุ์แก้วมังกร ด้วยความคล้ายคลึงกันของแก้วมังกรและโบตั๋น จึงทำให้มีพ่อค้าจอมโกงบางคนนำกิ่งพันธุ์ของต้นโบตั๋นมาขาย โดยอ้างว่าเป็นกิ่งพันธุ์ของต้นแก้วมังกรดังนั้น จึงเป็นข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กำลังหากิ่งพันธุ์มาปลูก
ลักษณะดอกและผลแก้วมังกร เมื่อดอกบานเต็มที่จะเหี่ยวและร่วงหล่นโดยส่วนโคนดอกจะเป็นรูปกลมรีหรือรูปไข่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว และยาวประมาณ 4 – 6 นิ้ว มีน้ำหนักระหว่าง 200 – 500 กรัม เปลือกมีสีสันสดใส สีแดงอมชมพู โดยมีบางส่วนของกลีบดอกเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ผลสีเขียว ทำให้ดูสวยงามสะดุดตา เมื่อผ่าผลออกมาจะพบว่าเนื้อในมีสีขาวขุ่น ภานในมีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้าย เมล็ดงาดำหรือแมงลักฝังตัวกระจายอยู่ทั่วไป เป็นจำนวนมาก
การปลูกแก้วมังกร แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อยลำต้นอ่อนจำเป็นต้องมีหลักให้ลำต้นเกาะยึดซึ่งหลักจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเสาซีเมนต์ก็ได้ ถ้าใช้ท่อซีเมนต์เป็นเสาซึ่งรูปทรงกลมภายในกลวงแต่เทปูนไว้ก้นท่อเพื่อไว้ใส่น้ำหล่อเลี้ยงให้เสามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ฝังท่อซีเมนต์ลงในดินประมาณ 40 –50 ซม. ต้องสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 –2 เมตร ด้านบนของเสาทำเป็นร้านให้กิ่งเกาะแผ่ขยายออกไประยะปลูก 3 x 3 เมตร เตรียมหลุมขนาด 30x30x30 ซม. รอบ ๆ หลัก หลักละ 4 หลุม สำหรับปลูกหลุมละ 1 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเก่า 1 ปุ้งกี๋ เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงหลุมแล้วมัดกิ่งพันธุ์ให้แนบหลักและกันแดดให้ 1 –2 สัปดาห์
การให้ผลผลิต ต้นแก้วมังกรที่เติบโตจากการใช้กิ่งปักชำเมื่ออายุได้ประมาณ 8 –10 เดือน จะให้ผลผลิต การเริ่มออกดอก จะออกบริเวณปลายกิ่ง มีลักษณะคล้ายดอกโบตั๋น คือมีสีเหลืองอมชมพูซึ่งสวยงามมาก จะบานในเวลากลางคืน อยู่ได้ประมาณ 2 –3 วัน จะเหี่ยวและร่วงไป เหลือผลที่มีกลีบเลี้ยงหุ้มหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ผลจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ โดยปกติใน 1 ปี ต้นแก้วมังกรจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 4 รุ่น ตั้งแต่ พฤษภาคมถึง สิงหาคม ของทุกปี ต้นแก้วมังกรจะเริ่มให้ดอกชุดแรกในเดือนมีนาคมและดอกชุดสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม ลูกแก้วมังกรที่เก็บเกี่ยวจากต้นแล้วถ้านำมาใส่ถุงพลาสติกแล้วแช่เย็นจะสามารถเก็บรักษาได้ประมาณ 15 วัน โดยไม่เหี่ยวและเป็นการเพิ่มความหวานให้กับผลด้วย
การดูแลรักษาระหว่างปลูก โดยทั่วไปการปฏิบัติดูแลรักษาระหว่างปลูกค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นพืชทนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำมากเหมือนไม้ผลอื่น ๆ แต่ก็ควรหาเศษหญ้าแห้ง ฟาง หรือ แกลบเป็นวัสดุคลุมโคนต้นไว้เพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินและป้องกันวัชพืชให้ปุ๋ยคอก เสริมด้วยปุ๋ยเคมี 2 – 3 เดือนต่อครั้ง โดยให้ปุ๋ยคอกหลักละประมาณ 1 ปุ้งกี๋ ส่วยปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หลักละ 1-2 ช้อนแกง และอาจมีการให้ปุ๋ยเคมีทางน้ำเสริมโดยเติมสาหร่ายทะเลสกัดทั้งนี้ ควรสังเกตความเจริญและการให้ผลของต้นแก้วมังกร ถ้าต้นยังงอกงามและให้ผลผลิตดี ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยมากเกินไป
โรคและแมลงที่สำคัญ ยังพบไม่มากจะมีเพียงมดและนกเท่านั้นสำหรับมดเมื่อพบว่ามีมากอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ปลูกได้ จึงจะใช้วิธีกำจัดโดยใช้สารเคมีฉีดพ่นพร้อมทั้งสารจับใบ ส่วนนกนับว่าเป็นศัตรูที่สำคัญไม่น้อย เพราะนกจะเข้าจิกทำลายในขณะที่ผลกำลังใกล้แก่ ซึ่งวิธีป้องกันทำได้โดยการห่อผล
การตลาดรองรับ ผู้ที่ปลูกแก้วมังกรเพื่อการค้า ถึงแม้ว่าขณะนี้ผลไม้ชนิดนี้กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะราคาค่อนข้างสูง และเป็นที่ต้องการของต่างประเทศก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งได้หรือไม่เพราะยังไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีการปลูกกันมากขึ้น เกษตรจะประสบปัญหาด้านตลาดหรือราคาเหมือนเช่นที่พืชเศรษฐกิจบางชนิดเคยได้รับมา
การลงทุนและผลตอบแทน เนื่องจากแก้วมังกรเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 8,000 –12,000 กก. (เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป) และอายุการให้ผลผลิตยาวนานถึง 10 –15 ปี หากระดับราคาหน้าสวนลดลงมาอยู่ในราคาประมาณ 30 บาท/กก. เกษตรกรผู้ปลูกก็ยังมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท / ไร่ ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี ก็คืนทุนแต่การลงทุนครั้งแรกค่อนข้างสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ไร่
การขยายพันธ์
วิธีการขยายพันธ์แก้วมังกรที่ง่ายและสะดวก คือการปักชำแต่มีเทคนิคที่สำคัญหลายประการคือ เกษตรกรต้องเลือกเฉพาะกิ่งที่แก่เท่านั้น อย่าใช้กิ่งอ่อนเพราะจะเน่าเสียก่อน เมื่อได้กิ่งแก่มาปักชำส่วนใหญ่จะรอดตาย 100% กิ่งแก่ในแต่ละกิ่งสามารถตัดเป็นท่อนได้หลายท่อน ตัดให้มีความยาวประมาณ 12 ฟุต ก่อนที่จะปักชำให้เอาทางโคนปักลง (สังเกตจากทางโคนจะมีหนามตั้งขึ้น) ก่อนที่จะนำกิ่งมาปักชำ นั้น ควรจะนำกิ่งแก่มาจุ๋มในน้ำที่ผสมน้ำยาเร่งราก (ใช้น้ำยาเร่งรากในอัตราเข้มข้นกว่าปกติ) จุ๋มกิ่งแก้วมังกรลงไปในน้ำยาลึกประมาณ 10 ซม.แล้วนำมาตั้งเรียงไว้ในร่มเป็นเวลา 7-10 วัน จนกิ่งเริ่มเหี่ยว ตั้งกิ่งให้ตรง สำหรับเกษตรกรที่เริ่มปลูกควรจะเลือกซื้อกิ่งประเภทนี้ที่ผ่านการแช่น้ำยาเร่งรากแล้ว เพราะจะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายได้รับการกระทบกระเทือนน้อยที่สุดและขนได้ครั้งละปริมาณมาก หลังจากได้กิ่งไปแล้วนำไปปักชำในแปลงเพาะที่เตรียมเอาไว้ สำหรับกิ่งประเภทที่นำลงถุงแล้วจะเคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบากและขนได้ครั้งละปริมาณน้อยรวมถึงมีราคาที่แพงกว่าไม่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ปลูกเป็นแปลงใหญ่
การเตรียมแปลงเพาะชำกิ่งหลังจากปรับพื้นที่ดินให้เรียบแล้วใส่ขี้เถ้าแกลบดำลงในแปลงให้มีความหนาประมาณ 1 คืบ ถ้าแปลงเพาะชำอยู่กลางแจ้งจะต้องมุงด้วย ตาข่ายพรางแสงชนิด 60% จากนั้นนำกิ่งที่ชุบน้ำยาเร่งรากแล้วไปปักชำให้ลึกประมาณ 10 ซม. รดน้ำ 2-3 วันต่อครั้งก็เพียงพอแล้ว ถ้ารดบ่อยเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหากิ่งเน่าได้ หลังจากปักชำไปได้นานประมาณ 1 เดือนก็จะออกรากและนำไปปลูกในแปลงได้ วิธีการสังเกตว่ากิ่งแก้วมังกรที่นำไปปักชำนั้นมีรากที่ สมบูรณ์แล้วสังเกตได้ว่าจะมีการแตกยอดอ่อนออกมาใหม่ คัดเลือกเฉพาะกิ่งที่แตกยอดออกทยอยไปปลูก
ขณะนี้เป็นที่ยืนยันแล้วว่าสายพันธุŒแก้วมังกรที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรได้ขยายพื้นที่ปลูกในเชิงพาณิชย์จะมีเพียงพันธ์ไทยและพันธุŒเวียดนามเท่านั้น เนื่องจากพบว่ามีบางสายพันธ์ จะต้องใช้วิธีการช่วยผสมเกสรถึงจะติดผล
คุณค่าทางอาหารและสมุนไพร(ยา)
พืชพวกกระบองเพชรมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำนวนมาก สารพวกนี้ คือ โปลี่แซคคาไรด์เชิงซ้อน ลักษณะคล้ายวุ้นเหลว หรือเยลลี่ ดูดน้ำ ช่วยคุมน้ำตาลกลูโคลในคนที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินสามารถลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเรสเตอรอล ชนิดความหนาแน่นในเลือดต่ำ นอกจากนี้ยังเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาโรคโลหิตจาง ผลแก้วมังกรมีคุณค่าทางอาหาร มีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก เสริมสร้างภูมิต้านทานกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ
แก้วมังกร ปัจจุบันกลายเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้บริโภคลดน้ำหนัก และเมื่อปากต่อปากบอกว่าได้รับประทานแล้วอิ่มลดน้ำหนักได้จริง ผลไม้ชนิดนี้จึงเริ่มเป็นที่นิยม และมีเกษตรกรในประเทศไทยปลูกกันมากขึ้น ทั้งที่รากเหง้าของไม้พันธุ์นี้จะเกิดและเติบโตเป็นพันธุ์แท้อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ถือเป็นแหล่งปลูกแก้วมังกรที่มีมาช้านานและคนเวียดนามจะรู้จักกันดี
แก้วมังกร ผลไม้บริสุทธิ์ปลอดภัยจากสารพิษ มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวสามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นทานแล้วนอกจากดับร้อนผ่อนกระหายยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพ และความงามได้เป็นอย่างดี
แก้วมังกร ผลไม้พันธุ์ใหม่ รสชาติหวานกรอบอร่อย กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ต้นปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ได้ผลผลิตสูงให้ผลกำไรเร็ว ปลูกโดยไม่ต้องเลือกดิน ดูแลง่าย แม้แต่เด็กก็ดูแลได้

แก้วมังกร ผลไม้บริสุทธิ์ปลอดภัยจากสารพิษ มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวสามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่นทานแล้วนอกจากดับร้อนผ่อนกระหายยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพ และความงามได้เป็นอย่างดี  รสชาติหวานกรอบอร่อย กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ต้นปลูกง่าย ให้ผลผลิตเร็ว ปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจ ได้ผลผลิตสูงให้ผลกำไรเร็ว ปลูกโดยไม่ต้องเลือกดิน ดูแลง่าย แม้แต่เด็กก็ดูแลได้

ต้นแก้วมังกร มีพื้นเพดั้งเดิมอยู่ในอเมริกากลาง เข้ามาในเอเชียที่เวียดนามก่อน โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเมื่อประมาณ 100  ปีมาแล้วและเพิ่งเข้ามาในไทยเมื่อประมาณ 5 ปี แต่เป็นพันธุ์เนื้อในขาวส่วนพันธุ์เนื้อในแดงที่ชื่อแดงสยามเป็นพันธุ์มาจากไต้หวัน เมื่อประมาณ 1-2 ปีนี้เองมีลำต้นยาวประมาณ 5 เมตร มีรากทั้งในดินและรากอากาศ ชอบดินร่วนระบายน้ำดี ชอบแสงแดดพอเหมาะ โล่งแจ้ง แต่ไม่แรงกล้าเกินไป ดอกขนาดใหญ่ยาวประมาณเกือบหนึ่งฟุต เริ่มบานตอนพระอาทิตย์ตกเพียงคืนเดียวดอกหุบตอนพระอาทิตย์ขึ้นมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

d01

แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อย มีอายุยาวนานหลายปี ลำต้นมีลักษณะเป็น 3 แฉกมีสีเขียว อวบน้ำ ซึ่งแท้จริงแล้วส่วนนั้นคือใบที่เปลี่ยนรูปไป ส่วนลำต้นที่แท้จริงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของแฉกทั้ง 3 บริเวณตาข้างจะมีหนาม 1-5 หนาม ดอกจะเกิดบริเวณปลายกิ่งในช่วงเดือนเมษายน เมื่อบานมีลักษณะคล้ายปากแตร จะบานในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้า เมื่อติดผลแล้ว ผลอาจมีสีชมพูหรือเหลือง เนื้อผลภายในมีทั้งสีขาวและแดงขึ้นอยู่กับพันธุ์ และมีเมล็ดสีดำอยู่ในเนื้อผล

ลูกมังกร หรือดราก้อนฟรุต เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลแคคตัสหรือสกุลหนึ่งของกระบองเพชร สามารถปลูกได้ดีในทุกสภาพพื้นที่จึงเป็นที่นิยมปลูกกันมากอย่างแพร่หลาย ผลจะมีลักษณะเป็นสันเหลี่ยมทู่ ๆ เรียงรายอยู่ทั่วไปบนผิวเปลือก เปลือกหนาสีออกชมพูอมส้ม ภายในผลเมื่อผ่าออกจะมีเนื้อสีขาวขุ่นภายในเนื้อก็จะมีเมล็ดเล็ก ๆ ซึ่งใหญ่กว่าเมล็ดงานิดเดียวฝังตัวอยู่เต็มไปหมด เมื่อรับประทานจะมีรสชาติหวานเย็น กรุบกรับ ไม่ระคายคอ ลูกมังกรเป็นที่นิยมกันมาในหมู่นักบริโภคชาวต่างประเทศที่ชอบลองของแปลก ซึ่งจากการศึกษาวิจัยสภาพอากาศของประเทศเวียดนามกับประเทศไทยพบว่า ไม่แตกต่างกันมานัก จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าโอกาสที่ลูกมังกรจะมาผงาดในบ้านเรานั้น เป็นไปได้สูงมาก ประกอบกับลูกมังกรยังเป็นพืชที่ทนแล้ง ปลูกได้ทุกสภาพพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่สามารถปลูกได้ โดยใช้พื้นที่ปลูกเพียงต้นละ 1 ตารางเมตรเท่านั้น ฉะนั้น จึงสามารถปลูกได้รอบ ๆ บริเวณบ้านโดยไม่จำกัด เนื่องจากเป็นพืชที่ทนความแห้งแล้ง ทนต่อโรคและแมลง จึงไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใด ๆ และนับได้ว่าเป็นผลไม้ที่ค่อนข้างปลอดภัยจากสารพิษอีกด้วย

d02

สำหรับผลของลูกมังกรนั้น เหมาะสมต่อการส่งเสริมเป็นสินค้าออกทางทวีปยุโรปและอเมริกาอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นผลไม้รสไม่หวานจัด ฝรั่งนิยมรับประทานหรือคนชรา คนเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ไม่สามารถบริโภคผลไม้ที่มีรสหวานจัดได้ ซึ่งปัจจุบันในบ้านเราจะจำหน่ายผลละ 120-150 บาท โดยผลผลิตที่ได้รุ่นที่ 1 ซึ่งมีอายุ 2 ปีขึ้นไปนั้นจะให้ผลผลิตประมาณ 30 ผลต่อต้น และสามารถเพิ่มผลผลิตได้ถึง 2 เท่าในปีต่อไป โดยเกษตรกรต้องตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ลูกมังกรได้แตกกิ่งใหม่ที่ปลายยอด นั่นคือ ผลผลิต 1 ผล ต่อ 1 กิ่งนั่นเอง และสามารถนำกิ่งนั้นไปปักชำ เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปได้ นอกจากการขยายพันธุ์โดยการปักชำแล้ว ยังสามารถขยายพันธุ์ด้วยเพาะเมล็ด และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้อีกด้วย แต่การปักชำจะทำได้สะดวกและให้ผลแน่นอนที่สุดกว่าทุกวิธี ลูกมังกรชอบดินที่มีการระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง ความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 6.3-6.8 ความชื้น 65% เลี้ยงง่าย ปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลงรบกวนมีน้อย หรือแทบไม่มีเลย นอกจากการระบายน้ำไม่ดี วัสดุที่ใช้ปลูกแฉะเกินไปก็จะส่งผลให้ลำต้นของลูกมังกร

เน่าได้ เแก้วมังกรเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่เข้ามาเปิดตลาดเอเชียในสหัสวรรษนี้ เดินหน้าไปพร้อมกับใต้ หวันและญี่ปุ่น

ข้อควรระวังในการเลือกซื้อพันธุ์แก้วมังกร ด้วยความคล้ายคลึงกันของแก้วมังกรและโบตั๋น จึงทำให้มีพ่อค้าจอมโกงบางคนนำกิ่งพันธุ์ของต้นโบตั๋นมาขาย โดยอ้างว่าเป็นกิ่งพันธุ์ของต้นแก้วมังกรดังนั้น จึงเป็นข้อควรระวังสำหรับผู้ที่กำลังหากิ่งพันธุ์มาปลูก

ลักษณะดอกและผลแก้วมังกร เมื่อดอกบานเต็มที่จะเหี่ยวและร่วงหล่นโดยส่วนโคนดอกจะเป็นรูปกลมรีหรือรูปไข่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3-4 นิ้ว และยาวประมาณ 4 – 6 นิ้ว มีน้ำหนักระหว่าง 200 – 500 กรัม เปลือกมีสีสันสดใส สีแดงอมชมพู โดยมีบางส่วนของกลีบดอกเล็ก ๆ ติดอยู่ที่ผลสีเขียว ทำให้ดูสวยงามสะดุดตา เมื่อผ่าผลออกมาจะพบว่าเนื้อในมีสีขาวขุ่น ภานในมีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้าย เมล็ดงาดำหรือแมงลักฝังตัวกระจายอยู่ทั่วไป เป็นจำนวนมาก

kawmangkorn_0

การปลูกแก้วมังกร แก้วมังกรเป็นไม้เลื้อยลำต้นอ่อนจำเป็นต้องมีหลักให้ลำต้นเกาะยึดซึ่งหลักจะเป็นไม้เนื้อแข็งหรือเสาซีเมนต์ก็ได้ ถ้าใช้ท่อซีเมนต์เป็นเสาซึ่งรูปทรงกลมภายในกลวงแต่เทปูนไว้ก้นท่อเพื่อไว้ใส่น้ำหล่อเลี้ยงให้เสามีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ฝังท่อซีเมนต์ลงในดินประมาณ 40 –50 ซม. ต้องสูงจากพื้นดินประมาณ 1.5 –2 เมตร ด้านบนของเสาทำเป็นร้านให้กิ่งเกาะแผ่ขยายออกไประยะปลูก 3 x 3 เมตร เตรียมหลุมขนาด 30x30x30 ซม. รอบ ๆ หลัก หลักละ 4 หลุม สำหรับปลูกหลุมละ 1 ต้น รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมักเก่า 1 ปุ้งกี๋ เมื่อนำกิ่งพันธุ์ลงหลุมแล้วมัดกิ่งพันธุ์ให้แนบหลักและกันแดดให้ 1 –2 สัปดาห์

การให้ผลผลิต ต้นแก้วมังกรที่เติบโตจากการใช้กิ่งปักชำเมื่ออายุได้ประมาณ 8 –10 เดือน จะให้ผลผลิต การเริ่มออกดอก จะออกบริเวณปลายกิ่ง มีลักษณะคล้ายดอกโบตั๋น คือมีสีเหลืองอมชมพูซึ่งสวยงามมาก จะบานในเวลากลางคืน อยู่ได้ประมาณ 2 –3 วัน จะเหี่ยวและร่วงไป เหลือผลที่มีกลีบเลี้ยงหุ้มหลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ผลจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ โดยปกติใน 1 ปี ต้นแก้วมังกรจะให้ผลผลิตได้ประมาณ 4 รุ่น ตั้งแต่ พฤษภาคมถึง สิงหาคม ของทุกปี ต้นแก้วมังกรจะเริ่มให้ดอกชุดแรกในเดือนมีนาคมและดอกชุดสุดท้ายในเดือนกรกฎาคม ลูกแก้วมังกรที่เก็บเกี่ยวจากต้นแล้วถ้านำมาใส่ถุงพลาสติกแล้วแช่เย็นจะสามารถเก็บรักษาได้ประมาณ 15 วัน โดยไม่เหี่ยวและเป็นการเพิ่มความหวานให้กับผลด้วย

การดูแลรักษาระหว่างปลูก โดยทั่วไปการปฏิบัติดูแลรักษาระหว่างปลูกค่อนข้างสะดวกเพราะเป็นพืชทนแล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้น้ำมากเหมือนไม้ผลอื่น ๆ แต่ก็ควรหาเศษหญ้าแห้ง ฟาง หรือ แกลบเป็นวัสดุคลุมโคนต้นไว้เพื่อช่วยรักษาความชื้นของดินและป้องกันวัชพืชให้ปุ๋ยคอก เสริมด้วยปุ๋ยเคมี 2 – 3 เดือนต่อครั้ง โดยให้ปุ๋ยคอกหลักละประมาณ 1 ปุ้งกี๋ ส่วยปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หลักละ 1-2 ช้อนแกง และอาจมีการให้ปุ๋ยเคมีทางน้ำเสริมโดยเติมสาหร่ายทะเลสกัดทั้งนี้ ควรสังเกตความเจริญและการให้ผลของต้นแก้วมังกร ถ้าต้นยังงอกงามและให้ผลผลิตดี ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยมากเกินไป

โรคและแมลงที่สำคัญ ยังพบไม่มากจะมีเพียงมดและนกเท่านั้นสำหรับมดเมื่อพบว่ามีมากอาจสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ปลูกได้ จึงจะใช้วิธีกำจัดโดยใช้สารเคมีฉีดพ่นพร้อมทั้งสารจับใบ ส่วนนกนับว่าเป็นศัตรูที่สำคัญไม่น้อย เพราะนกจะเข้าจิกทำลายในขณะที่ผลกำลังใกล้แก่ ซึ่งวิธีป้องกันทำได้โดยการห่อผล

การตลาดรองรับ ผู้ที่ปลูกแก้วมังกรเพื่อการค้า ถึงแม้ว่าขณะนี้ผลไม้ชนิดนี้กำลังเป็นที่จับตามอง เพราะราคาค่อนข้างสูง และเป็นที่ต้องการของต่างประเทศก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งได้หรือไม่เพราะยังไม่แน่ว่าในอนาคตหากมีการปลูกกันมากขึ้น เกษตรจะประสบปัญหาด้านตลาดหรือราคาเหมือนเช่นที่พืชเศรษฐกิจบางชนิดเคยได้รับมา

การลงทุนและผลตอบแทน เนื่องจากแก้วมังกรเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 8,000 –12,000 กก. (เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไป) และอายุการให้ผลผลิตยาวนานถึง 10 –15 ปี หากระดับราคาหน้าสวนลดลงมาอยู่ในราคาประมาณ 30 บาท/กก. เกษตรกรผู้ปลูกก็ยังมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท / ไร่ ใช้เวลาปลูกเพียง 3 ปี ก็คืนทุนแต่การลงทุนครั้งแรกค่อนข้างสูงถึง 80,000 – 120,000 บาท/ไร่

** ปัจจุบัน ราคาหน้าสวนอยู่ที่ 10-20 บาท/กก.

การขยายพันธ์ วิธีการขยายพันธ์แก้วมังกรที่ง่ายและสะดวก คือการปักชำแต่มีเทคนิคที่สำคัญหลายประการคือ เกษตรกรต้องเลือกเฉพาะกิ่งที่แก่เท่านั้น อย่าใช้กิ่งอ่อนเพราะจะเน่าเสียก่อน เมื่อได้กิ่งแก่มาปักชำส่วนใหญ่จะรอดตาย 100% กิ่งแก่ในแต่ละกิ่งสามารถตัดเป็นท่อนได้หลายท่อน ตัดให้มีความยาวประมาณ 12 ฟุต ก่อนที่จะปักชำให้เอาทางโคนปักลง (สังเกตจากทางโคนจะมีหนามตั้งขึ้น) ก่อนที่จะนำกิ่งมาปักชำ นั้น ควรจะนำกิ่งแก่มาจุ๋มในน้ำที่ผสมน้ำยาเร่งราก (ใช้น้ำยาเร่งรากในอัตราเข้มข้นกว่าปกติ) จุ๋มกิ่งแก้วมังกรลงไปในน้ำยาลึกประมาณ 10 ซม.แล้วนำมาตั้งเรียงไว้ในร่มเป็นเวลา 7-10 วัน จนกิ่งเริ่มเหี่ยว ตั้งกิ่งให้ตรง สำหรับเกษตรกรที่เริ่มปลูกควรจะเลือกซื้อกิ่งประเภทนี้ที่ผ่านการแช่น้ำยาเร่งรากแล้ว เพราะจะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายได้รับการกระทบกระเทือนน้อยที่สุดและขนได้ครั้งละปริมาณมาก หลังจากได้กิ่งไปแล้วนำไปปักชำในแปลงเพาะที่เตรียมเอาไว้ สำหรับกิ่งประเภทที่นำลงถุงแล้วจะเคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบากและขนได้ครั้งละปริมาณน้อยรวมถึงมีราคาที่แพงกว่าไม่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ปลูกเป็นแปลงใหญ่

การเตรียมแปลงเพาะชำกิ่งหลังจากปรับพื้นที่ดินให้เรียบแล้วใส่ขี้เถ้าแกลบดำลงในแปลงให้มีความหนาประมาณ 1 คืบ ถ้าแปลงเพาะชำอยู่กลางแจ้งจะต้องมุงด้วย ตาข่ายพรางแสงชนิด 60% จากนั้นนำกิ่งที่ชุบน้ำยาเร่งรากแล้วไปปักชำให้ลึกประมาณ 10 ซม. รดน้ำ 2-3 วันต่อครั้งก็เพียงพอแล้ว ถ้ารดบ่อยเกินไปอาจจะทำให้เกิดปัญหากิ่งเน่าได้ หลังจากปักชำไปได้นานประมาณ 1 เดือนก็จะออกรากและนำไปปลูกในแปลงได้ วิธีการสังเกตว่ากิ่งแก้วมังกรที่นำไปปักชำนั้นมีรากที่ สมบูรณ์แล้วสังเกตได้ว่าจะมีการแตกยอดอ่อนออกมาใหม่ คัดเลือกเฉพาะกิ่งที่แตกยอดออกทยอยไปปลูก

ขณะนี้เป็นที่ยืนยันแล้วว่าสายพันธุŒแก้วมังกรที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรได้ขยายพื้นที่ปลูกในเชิงพาณิชย์จะมีเพียงพันธ์ไทยและพันธุŒเวียดนามเท่านั้น เนื่องจากพบว่ามีบางสายพันธ์ จะต้องใช้วิธีการช่วยผสมเกสรถึงจะติดผล

คุณค่าทางอาหารและสมุนไพร(ยา) พืชพวกกระบองเพชรมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำนวนมาก สารพวกนี้ คือ โปลี่แซคคาไรด์เชิงซ้อน ลักษณะคล้ายวุ้นเหลว หรือเยลลี่ ดูดน้ำ ช่วยคุมน้ำตาลกลูโคลในคนที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินสามารถลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเรสเตอรอล ชนิดความหนาแน่นในเลือดต่ำ นอกจากนี้ยังเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาโรคโลหิตจาง ผลแก้วมังกรมีคุณค่าทางอาหาร มีสรรพคุณป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก เสริมสร้างภูมิต้านทานกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ

แก้วมังกร ปัจจุบันกลายเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ใช้บริโภคลดน้ำหนัก และเมื่อปากต่อปากบอกว่าได้รับประทานแล้วอิ่มลดน้ำหนักได้จริง ผลไม้ชนิดนี้จึงเริ่มเป็นที่นิยม และมีเกษตรกรในประเทศไทยปลูกกันมากขึ้น ทั้งที่รากเหง้าของไม้พันธุ์นี้จะเกิดและเติบโตเป็นพันธุ์แท้อยู่ที่ประเทศเวียดนาม ถือเป็นแหล่งปลูกแก้วมังกรที่มีมาช้านานและคนเวียดนามจะรู้จักกันดี

pic from : สวนออมสิน

2 Comments »

  1. ท่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

  2. ลองเช๊คใน ie 8 แล้วมีปัญหาเรื่องตัวอักษร

RSS feed for comments on this post · TrackBack URI

Leave a comment